Tweet
นักประวัติศาสตร์ตั้งข้อกังขามากว่าร้อยปีถึงโครงกระดูกในหลุมศพของ Leonardo da Vinci ว่าคือโครงกระดูกของเขาจริงหรือไม่ และพยายามหาหลักฐานพิสูจน์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์เตรียมใช้เทคโนโลยีการหา DNA จากภาพวาดที่เป็นผลงานของ Leonardo da Vinci
Leonardo da Vinci เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1452 ที่เมือง Vinci, ประเทศอิตาลี เขาถูกยกย่องให้เป็นผู้ที่มีความรอบรู้ที่สุดคนหนึ่งในโลก (Universal Genius) นอกจากชื่อเสียงในความเป็นจิตรกร เจ้าของภาพวาด Mona Lisa และ The Last Supper ซึ่งมีชื่อเสียงก้องโลก เขายังเป็นนักประดิษฐ์, นักแกะสลัก, นักวิทยาศาสตร์, นักคณิตศาสตร์ และความรู้ด้านอื่นๆ อีกมากมายเช่น ประวัติศาสตร์, การทำแผนที่, ดนตรี, วรรณคดี, กายวิภาค, ธรณีวิทยา, ดาราศาสตร์, พฤกษศาสตร์, สถาปัตยกรรมและวิศวกรรม เขาสามารถอธิบายถึงนวัตกรรมซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเขาเสียชีวิตหลายร้อยปีได้อย่างถูกต้อง เช่น เฮลิคอปเตอร์, รถถัง, พลังแสงอาทิตย์ ฯลฯ
ในบั้นปลายชีวิต Leonardo da Vinci ย้ายไปตั้งรกรากที่ Chateeau du Clos Luc ในประเทศฝรั่งเศสตามคำเชิญของพระเจ้า Francis I กษัตริย์ฝรั่งเศส และทำหน้าที่เป็น 'First painter, engineer, and architect of the King' ก่อนจะเสียชีวิตในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1519 เมื่ออายุ 67 ปี ร่างของเขาถูกฝังที่ Saint Florentin at the Chateau d'Amboise
หลังการปฏิวัติฝรั่งเศส หลุมศพของเขาถูกทำลายเมื่อปี ค.ศ. 1802 และโครงกระดูกหายสาบสูญไป จนกระทั่ง ค.ศ. 1863 มีการขุดพบโลงหินและป้ายจารึกว่า LEO DUS VINC กะโหลกศีรษะที่พบมีขนาดใหญ่ทำให้นักประวัติศาสตร์ยุคนั้นเชื่อว่าน่าจะเป็นของ Leonardo da Vinci ซึ่งมีมันสมองระดับอัจฉริยะ หลังจากนั้นไม่นานโครงกระดูกหายสาบสูญอีกครั้งจนกระทั่งถูกพบในปี ค.ศ. 1874 และฝังอยู่ที่ Chapel of Saint Hubert
ด้วยเหตุการณ์ที่ค่อนข้างซับซ้อนทำให้นักประวัติศาตร์และนักวิทยาศาสตร์มีข้อกังขาถึงโครงกระดูกนี้ว่าใช่ของ Leonardo da Vinci หรือไม่
ด้วยเทคโนโลยียุคปัจจุบันทำให้โอกาสไขความลับนี้มีโอกาสประสพความสำเร็จสูงขึ้น โดยนักวิทยาศาสตร์กำลังพัฒนาเทคนิคในการสกัดร่องรอย DNA ซึ่งอาจตกค้างอยู่ในผลงานภาพวาดของ Leonardo da Vinci ซึ่งนับถึงปัจจุบันมีอายุประมาณครึ่งศตวรรษแล้ว
ความหวังในการหาร่องรอย DNA จาก Cell ผิวหนังของ Leonardo da Vincei ในภาพวาดเป็นไปได้สูงเนื่องจากเขามักใช้นิ้วมือร่วมกับแปรงในการวาดภาพส่วนใหญ่ โดยยังปรากฎลายนิ้วมือของเขาในภาพวาดบางภาพ คาดว่าจะเริ่มค้นหาร่องรอย DNA จากผลงานภาพ 'Adoration of the Magi' เป็นชิ้นแรกเนื่องจากกำลังมีการบูรณะภาพชิ้นนี้อยู่พอดีที่เมือง Florence, ประเทศ Italy
ในกรณีที่พบ DNA นักวิทยาศาสตร์จะเปรียบเทียบ DNA ที่ได้กับญาติของ Leonardo da Vinci ที่ยังหลงเหลืออยู่ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็น DNA ของเขาจริง ก่อนที่จะขออนุญาตขุดศพเพื่อตรวจสอบเป็นขั้นตอนสุดท้าย
นักวิทยาศาสตร์ยังหวังว่าจะสามารถสร้างภาพจำลองใบหน้าของเขาจากกะโหลกศีรษะ รวมถึงการศึกษาโครงกระดูกเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของเขาซึ่งไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถหาข้อพิสูจน์ได้ภายในปี ค.ศ. 2019 ซึ่งจะครบรอบ 500 ปีการเสียชีวิตของ Leonardo da Vinci
ที่มา: The Telegraph
0 Comments