จีนจะเป็นประเทศที่มีมูลค่าเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลกแทนที่สหรัฐฯ ในปี 2028 เร็วกว่าการประเมินก่อนหน้านี้ 5 ปี เนื่องจากประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของ Covid -19 ที่ทำได้ดีกว่าสหรัฐฯ อเมริกา
ภาพจาก BBC
Centre for Economics and Business Research (CEBR) ระบุว่าความรวดเร็วและความเข้มงวดสูงสุดในการควบคุม Covid-19 ช่วยให้จีนไม่ต้องมีการ Lockdown ขนาดใหญ่ซ้ำซากเหมือนประเทศในยุโรป และแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสหรัฐอเมริกาซึ่ง Covid-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างเลวร้ายที่สุด โดยมีผู้ติดเชื้อเกือบ 20 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 3.3 แสนคน
ประสิทธิภาพในการจัดการ Covid-19 ส่งผลให้จีนเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพียงประเทศเดียวในโลก ที่ไม่เกิด Recession (เศรษฐกิจถดถอย) โดยคาดว่าจะเติบโต 2 เปอร์เซ็นต์ในปี 2020
CEBR วิเคราะห์ ว่า หลังการแพร่ระบาดของ Covid -19 เริ่มชะลอตัวลง สหรัฐฯ จะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2021 และจะเติบโตในอัตรา 1.9 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างปี ค.ศ. 2022 ถึง 2024 จากนั้นจะชะลอตัวเหลือเติบโตปีละ 1.6 เปอร์เซ็นต์จนถึงปี 2030 ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจจีนระหว่างปี 2021 ถึง 2025 จะอยู่ที่ 5.7 เปอร์เซ็นต์ และชะลอตัวลงเหลือ 4.5 เปอร์เซ็นต์ในระหว่างปี 2026 ถึง 2030 ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับนี้ของ 2 ประเทศ จะส่งผลให้ขนาดเศรษฐกิจจีนแซงหน้าสหรัฐในปี 2028 เร็วกว่าที่เคยประเมินไว้ว่าจะแซงในปี 2033
CEBR เปิดเผยว่า เมื่อปี 2000 ขนาดเศรษฐกิจจีนคิดเป็น 3.6 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าเศรษฐกิจโลก แต่ ณ เวลานี้ ขนาดเศรษฐกิจจีนคิดเป็น 17.8 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าเศรษฐกิจโลก และจีนจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้สูงในปี ค.ศ. 2023
อย่างไรก็ตาม รายได้ต่อประชากรของจีนยังอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากจากจำนวนประชากรที่มีอยู่กว่า 1.4 พันล้านคน
CEBR ยังวิเคราะห์การเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอินเดีย โดยประเมินว่า อินเดียจะแซงสหราชอาณาจักรขึ้นเป็นประเทศที่มีมูลค่าเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับ 5 ของโลกอีกครั้งในปี 2024 (อินเดียแซงสหราชอาณาจักรไปแล้วในปี ค.ศ. 2019 แต่อันดับเลื่อนลงมาเนื่องจากมูลค่าเศรษฐกิจที่ลดลงเพราะได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก Covid-19) และจะแซงเยอรมนี ในปี 2027 จากนั้นจะแซงญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศมูลค่าเศรษฐกิจอันดับสามของโลกในปี 2030
ที่มา: BBC
0 Comments